ปลัดสธ.
เผยสถานการณ์โรคคอตีบ ควบคุมได้ รอบ 4
สัปดาห์นี้ไม่พบพื้นที่ระบาดใหม่
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ประชุมวอร์รูมติดตามประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรคคอตีบ
เผยควบคุมสถานการณ์ได้ ในรอบ 4 สัปดาห์มานี้พบผู้ป่วยยืนยันเพียง
4 ราย รักษาหาย ไม่พบพื้นที่ระบาดใหม่
ให้ทุกจังหวัดดำเนินการกิจกรรมดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค
ยึดมาตรการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยเร็ว และรักษาเร็ว
โดยให้แพทย์ใช้ยาปฏิชีวนะ ร๊อกซิโทรมัยซิน ฆ่าเชื้อคอตีบได้ดี
และป้องกันเชื้อจากผู้ป่วยแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้ผลดีด้วย
วันนี้(16 พฤศจิกายน 2555) ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวอร์รูมติดตามเฝ้าระวังแก้ไขปัญหาโรคคอตีบ ว่า
จากการประเมินสถานการณ์
พบว่าจำนวนผู้ป่วยยืนยันโรคคอตีบชะลอตัว
ชี้ให้เห็นว่าการควบคุมการระบาด ดำเนินมาถูกทิศทาง
และการป้องกันได้ผลดี
แต่อาจจะพบผู้มีอาการในข่ายสงสัยเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่า
โรคระบาดเพิ่มขึ้น แต่เป็นผลมาจากความเข้มแข็ง เข้มข้น
ของระบบการเฝ้าระวัง การค้นหาผู้ป่วยในพื้นที่
และทุกรายเข้าข่ายสงสัยจะต้องมีการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ
เพื่อให้สามารถทราบการระบาดที่แท้จริง ในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพียง 4 ราย รักษาหาย และไม่พบพื้นที่ระบาดใหม่
สรุปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 14 พฤศจิกายน 2555
สำนักระบาดวิทยารายงานพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโรคคอตีบ 36 ราย
เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ที่มีอาการเข้าข่ายหรือมีอาการรุนแรง 5 ราย
ผู้ป่วยสงสัย 17 ราย พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมีทั้งหมด 9 อำเภอ
พื้นที่สงสัย 26 อำเภอ และพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรค 27 อำเภอ ใน
16 จังหวัด
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า
มาตรการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคคอตีบขณะนี้
จะเน้นให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยรวดเร็วและให้การรักษาเร็ว
โดยให้ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดทีมเจ้าหน้าที่
ติดตามพัฒนามาตรฐานห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ
และให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจยืนยันเชื้อคอตีบอย่างรวดเร็ว
แม่นยำทั่วประเทศ เพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัยของแพทย์
ขณะนี้โรงพยาบาลส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 สามารถตรวจเชื้อชนิดนี้ได้
และครบ 100 เปอร์เซนต์ภายในเดือนธันวาคม 2555
ส่วนการรักษา
ขณะนี้ได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งใช้ยาปฎิชีวนะคือร๊อกซิโทรมัยซิน(roxithromycin)
ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคชนิดนี้ได้ดี เมื่อเชื้อถูกทำลาย
สามารถลดความรุนแรงอาการป่วยได้ เนื่องจากเชื้อโรคคอตีบ
ไม่สามารถผลิตสารพิษหรือที่เรียกว่าท็อกซิน (toxin)
ไปทำลายอวัยวะต่างๆที่สำคัญได้แก่ หัวใจ ไต และระบบประสาท
เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อจากผู้ป่วยแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้เป็นอย่างดีด้วย
สำหรับมาตรการควบคุมป้องกันโรคคอตีบขณะนี้
ในวันนี้ ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเร่งรัดกิจกรรมดำเนินการเฝ้าระวัง
ป้องกัน ควบคุมโรค ตามระดับสถานการณ์ปัญหาในพื้นที่
ให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 และให้ 15
จังหวัดได้แก่หนองคาย พิจิตร อุตรดิตถ์ บึงกาฬ น่าน สกลนคร ขอนแก่น
เชียงราย หนองบัวลำภู สุราษฎร์ธานี อุดรธานี พิษณุโลก ชัยภูมิ
เพชรบูรณ์ และเลย ดำเนินการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ทียังพบผู้ป่วยในพื้นที่ให้ปรับประสิทธิภาพแนวทางดำเนินงาน
การเพิ่มอัตราความครอบคลุมของวัคซีนให้ได้มากกว่าร้อยละ 90
ของประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะจังหวัดเพชรบูรณ์
ให้เตรียมแผนปฏิบัติการเพื่อรับเทศกาลปีใหม่ม้ง
โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการติดตามประเมินผลอาจปรับลดระดับพื้นที่ระบาดต่อไป
.......................
16 พฤศจิกายน
2555
|